สารอาหารและสรรพคุณ

เยอร์บามาเตเป็นพืชที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยสารอาหารในเยอร์บามาเตนั้นมีปริมาณแตกต่างกันไปตามปัจจัยดังนี้
  • พื้นที่และฤดูในการเพาะปลูก: ประเทศที่มีการเพาะปลูกเยอร์บามาเต ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล และปารากวัย ซึ่งพื้นที่เพาะปลูกในแต่ละประเทศมีสารอาหารในปริมาณที่แตกต่างกันไป ตามประเภทดิน สภาพอากาศ และฤดูกาลเก็บเกี่ยว มากไปกว่านั้น ใบเยอร์บามาเตแก่จะมีสารอาหารน้อยกว่าใบชาอ่อน แหล่งที่มา
  • วิธีการชง
    • ชงร้อน: การดื่มแบบร้อน (น้ำอุณหภูมิประมาณ 70 องศา) จะช่วยรักษาและดึงสารอาหาร คาเฟอีน และธีโอโบรมีนออกมาได้ดีที่สุด การใช้น้ำร้อนจัดหรือน้ำเดือด (100 องศา) จะทำลายสารอาหารเหล่านี้ แหล่งที่มา
    • ชงเย็น: อาจดึงสารอาหารออกมาได้ไม่ดีเท่า
  • กระบวนการผลิต: กระบวนการผลิตมีผลอย่างมากต่อสารอาหารในชา ซึ่งกระบวนการผลิตที่ว่า ได้แก่
    • การอบแห้ง (ในอาร์เจนตินาและปารากวัย) หรือชาสด (ในบราซิลหรือที่เรียกว่า Chimarrao)
    • ผสมก้านหรือใบล้วน (ส่วนใบมีสารอาหารสูงกว่า)
    • การผสมสมุนไพรหรือแต่งเติมรสชาติอื่นๆ
    • ระยะเวลาการกักเก็บชาตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 12 เดือน

ปริมาณสารอาหาร คาเฟอีน รวมถึงรสชาติของเยอร์บามาเตแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันค่อนข้างมาก เราจึงแนะนำให้เลือกลองหลายๆ ยี่ห้อเพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะกับคุณที่สุด นอกจากเรื่องสรรพคุณแล้ว เราอยากให้ทุกคนพิจารณาเลือกดื่มยี่ห้อที่คิดว่าดื่มง่าย รสชาติถูกปาก และให้ผลลัพธ์ต่อร่างกายที่ตอบโจทย์แต่ละคนมากที่สุดเพื่ออรรถรสและความเพลิดเพลินส่วนตัว

คุณค่าทางโภชนาการ

ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Universidad Nacional de Misiones ที่จัดทำขึ้นในช่วงปี 2010 ถึง 2014 เพื่อศึกษาสารอาหารในชาเยอร์บามาเตแบบชงร้อน โดยได้ทำวิจัยตัวเยอร์บามาเตจากทั้งหมด 30 ยี่ห้อเพื่อหาค่าเฉลี่ยที่แม่นยำที่สุด แหล่งที่มา

1 หน่วยบริโภค: เยอร์บามาเต 50 กรัมที่ใช้วิธีการชงแบบดั้งเดิม (ด้วยแก้วมาเตและหลอดบอมบิย่า) ต่อน้ำร้อน 70 องศาปริมาณ 500 มล.

  • แคลลอรี่: 43 kcal
  • คาร์บ: 9 g
  • ไขมันทั้งหมด: 0 g
  • โปรตีน: 1.0 g
  • คาเฟอีน: 100 mg – 450 mg (ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ)
  • วิตามิน:
    • B1 (ไทอามีน): 0.9 mg
    • B3 (กรดนิโคตินิก): 1.60 mg
    • B6 (ไพริดอกซีน): 0.50 mg
  • แร่ธาตุ:
    • โซเดียม: 17 mg
    • โพแทสเซียม: 100 mg
    • แมกนีเซียม: 65 mg
    • ธาตุเหล็ก: 1.5 mg

*จริงๆ แล้วในเยอร์บามาเตมีวิตามินและแร่ธาตุตัวอื่นๆ นอกเหนือจากด้านบน (เช่น วิตามิน C แมงกานีส ทองแดง และอื่นๆ) แต่มีในปริมาณน้อย

นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น

  • โพลีฟีนอล: หรือก็คือสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยให้ร่างกายรับมือกับการอักเสบ ป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน สร้างเกราะป้องกันโรคหัวใจ รวมถึงมะเร็ง
    • ฟลาโวนอยด์: เควอซิติน รูติน แคมพ์เฟอรอล ลูทอีโอลิน (แหล่งที่มา)
    • กรดฟีนอลิก: กรดคลอโรเจนิก (มีในปริมาณสูง) คาเฟอิก กรด 3,4-ไดคาเฟโออิลควินิก กรดเฟอรูโลอิลควินิก และอื่นๆ
  • แซนทีน: มักพบในพืชที่มีคาเฟอีน ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายตื่นตัว ลดอาการเหนื่อยล้า และเพิ่มสมาธิจดจ่อ
    • คาเฟอีน
    • ธีโอโบรมีน
    • ธีโอฟิลลีน (มีน้อย): บางวิจัยก็บอกว่าไม่พบธีโอฟิลลีนในเยอร์บามาเตเลย จึงยังสรุปไม่ได้ว่าตกลงแล้วมีธีโอฟิลลีนหรือไม่
  • ซาโปนิน: คือส่วนประกอบที่ทำให้เยอร์บามาเตมีรสขม มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลได้ดีมากๆ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์สูง คล้ายกับโพลีฟีนอล ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดียิ่งขึ้น
  • มีอิเล็กโทรไลต์และวิตามิน
  • มีทั้งคาเฟอีนและธีโอโบรมีน
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสูงกว่าในชาเขียว
  • ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเลปตินและ GLP-1 ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
    • ลดความอยากอาหาร
    • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    • กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน

สรรพคุณทางร่างกาย

เยอร์บามาเตมีสารอาหารหลากหลายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งสรรพคุณโดดเด่นที่ผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้วนั้นมีดังนี้

  • ลดความอยากอาหาร
  • ให้พลังงาน เพิ่มสมาธิ และเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย
  • ลดระดับคอเลสเตอรอล
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ป้องกันการเกิดโรคพาร์กินสัน

ลดความอยากอาหาร

  • กระตุ้นระบบเผาผลาญได้ในระดับหนึ่ง และช่วยสลายไขมันสีน้ำตาล
  • ช่วยลดความอยากอาหาร จึงทำให้รับประทานจุกจิกน้อยลง
คาเฟอีนและธีโอโบรมีนที่พบในเยอร์บามาเตมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก สารเหล่านี้จะช่วยเร่งการเผาผลาญจนทำให้เบิร์นแคลลอรี่ได้มากขึ้น

การทำวิจัยเรื่องสรรพคุณการคุมหิวนี้ทำให้เราค้นพบว่าจริงๆ แล้วเยอร์บามาเตช่วยเพิ่ม Glucagon Like Peptide-1 หรือ GLP-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีกลไกออกฤทธิ์ดังนี้
  • ทำให้สมองสั่งการว่าเรารู้สึกอิ่ม
  • ลดการเคลื่อนไหวและการหลั่งน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร จึงทำให้อาหารอยู่ท้องนานขึ้น รู้สึกอิ่มนานขึ้น

คุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน GLP-1 นี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยควรดูแลอาหารการกินและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพราะลำพังเพียงแค่ดื่มเยอร์บามาเตไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลงหรือลดไขมันลงได้ แต่ต้องดื่มควบคู่กับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ให้พลังงาน เพิ่มสมาธิ และเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย

  • มีคาเฟอีนสูง
  • มีธีโอโบรมีน สารต้านอนุมูลอิสระ และอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเมื่อเจอกับคาเฟอีนจะช่วยให้มีสมาธิจดจ่อและมีสมรรถภาพทางร่างกายสูงขึ้น
 

สารอาหารและแร่ธาตุที่พบในเยอร์บามาเตเป็นสิ่งที่ทำให้ชามาเตแตกต่างจากเครื่องดื่มคาเฟอีนประเภทอื่นๆ อย่างกาแฟและชาทั่วไป กาแฟจะทำให้รู้สึกตื่นตัวในระยะเวลาสั้นๆ แต่คาเฟอีนในเยอร์บามาเตจะส่งผลให้ร่างกายมีอีเนอจี้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอาการคาเฟอีนแครชที่หลายคนพบเจอจากการดื่มกาแฟ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิธีการดื่มเยอร์บามาเตแบบดั้งเดิมที่จะต้องจิบและเติมน้ำเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเหมือนการค่อยๆ สกัดคาเฟอีนและสารอาหารต่างๆ ออกมาจากเยอร์บามาเตแล้วรับเข้าสู่ร่างกายแบบช้าๆ นอกจากนี้ เยอร์บามาเตยังมีวิตามินบีสูง รวมถึงมีอิเล็กโทรไลต์ และธีโอโบรมีนที่คอยช่วยเพิ่มระดับโดปามีนและทำให้อารมณ์ดีมากขึ้น

สารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายตื่นตัวและมีสมาธิจดจ่อ แต่ยังส่งผลให้อารมณ์คงที่ จิตใจสงบ และมีกระบวนการนึกคิดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เยอร์บามาเตจึงเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในกลุ่มผู้รักสุขภาพและต้องการพลังงาน

ลดระดับคอเลสเตอรอล

เยอร์บามาเตมีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องการลดระดับคอเลสเตอรอล สามารถช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ทั้งยังช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ในร่างกาย มีงานวิจัย 2 ชิ้นพบว่าผู้ที่ดื่มเยอร์บามาเตทุกวันจะมีระดับไขมันเลวลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ เยอร์บามาเตจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงหัวใจ (Cambridge) (Springer)

ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคเบาหวาน เยอร์บามาเตถือว่ามีประโยชน์มากเพราะจะช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินไวขึ้นและช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จากการศึกษาพบว่าการดื่มเยอร์บามาเตเป็นประจำสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและ HbA1c หรือก็คือระดับน้ำตาลสะสม นั่นหมายความว่าชามาเตเป็นหนึ่งในวิธีธรรมชาติที่จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของเราได้ (Examine.com)

ป้องกันการเกิดโรคพาร์กินสัน

เยอร์บามาเตมีส่วนช่วยปกป้องสมองของเราด้วย เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระในชามาเตสามารถปกป้องเซลล์ประสาทและลดการอักเสบได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่เป็นโรคพาร์กินสัน แม้ว่าอาจจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่การศึกษาค้นคว้าในเบื้องต้นนั้นค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเยอร์บามาเตช่วยบำรุงสมองด้วย (Examine.com)

ผลเสียที่อาจตามมา

แม้เยอร์บามาเตจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การดื่มเยอร์บามาเตในปริมาณมากเกินไปสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งหลอดอาหาร ซึ่งเป็นเพราะการกินของร้อนเกินไป (อุณหภูมิมากกว่า 60 °C -70 °C) ติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากนี้ เนื่องจากชามาเตมีคาเฟอีน การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้นอนไม่หลับและกระสับกระส่าย การดื่มในปริมาณที่พอเหมาะจึงเป็นสิ่งสำคัญ สตรีมีครรภ์และผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม

สารอาหารและสรรพคุณ​